วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เริ่ม sex อย่างมีชั้นเชิง


การสื่อถึงความรักระหว่างสามีภรรยา นอกเหนือจากคำพูดบวกต่อกัน เพศสัมพันธ์ ก็ถือเป็นการสื่อสารทางกายที่ลึกซึ้งยิ่งนัก


    หากเรื่องเซ็กซ์ไปกันได้ดี แม้ขุ่นเคืองใจกันบ้างในยามกลางวัน เพศสัมพันธ์ก็เปรียบเสมือนการงอนง้อคืนดีด้วยการสัมผัสทางกายอันอบอุ่น

    บ่อยครั้งเหลือเกิน ที่ความสัมพันธ์แห่งรักกลับเป็นบ่อเกิดของปัญหาในคู่สมรส หากฝ่ายหนึ่งหรือทั้งคู่มิอาจอิ่มเอมในรสรัก กลายเป็นความหงุดหงิดขุ่นเคืองใจ นานไปก็เก็บกด หาเรื่องจนเคืองแค้นถึงขั้นเลิกรากันไปก็มากมาย

    ภรรยาบางคนพาสามีมาให้จิตแพทย์รักษาปัญหาเรื่องนกเขาไม่ขัน หรือ นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ ผู้เป็นภรรยาถึงกับเอ่ยปากกับหมอว่า " ถ้ารักษาไม่หาย ก็ขอเลิกดีกว่า อยู่ไปก็มีแต่ทุกข์ทรมาน" อย่างน้อยก็น่าดีใจที่เธอรู้ดีว่า ปัญหานี้ต้องมาพบหมอผู้เชี่ยวชาญทางจิต แทนที่จะพาไปหาสัตว์แพทย์




    ที่คลินิกให้การปรึกษาสุขภาพทางเพศที่ผู้เขียนทำงานอยู่ พบหลายกรณีที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายพาชายที่เป็นสามีมารับการบำบัดรักษาปัญหาเรื่องเพศ เพราะเธอยังรักและอยากให้เขาเป็นสามีไปอีกนานๆ…ไม่อยากให้กลายเป็นอดีตสามีในอนาคต

    แสดงว่า เดี๋ยวนี้ผู้หญิงก็เริ่มเรียกร้องสิทธิ์ที่ตนพึงมีพึงได้ แทนที่จะมัวนอนหลับทับสิทธิ์…แล้วปล่อยสามีไปนอนทับคนอื่นแทน

    แต่พื้นฐานวัฒนธรรมไทยทำให้ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่กล้าพูดไม่กล้าคุย ไม่กล้าเป็นฝ่ายเริ่มต้น บ่อยครั้งที่ภรรยาต้องเก็บกดความต้องการ และรอให้สามีเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน…แม้ว่าจะแต่งงานมาหลายปีแล้ว ดังจะเห็นได้จากหลายๆ คำถามที่ผมได้รับ

"การที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายเสนอบอกความต้องการแก่สามีก่อน จะมีผลดีและผลเสียอย่างไรบ้างคะ บางคนกลัวว่าถ้าผู้หญิงเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน จะถูกผู้ชายมองว่าเซ็กซ์จัด"


    จริงๆ แล้ว ผู้ชายก็อยากรับรู้ถึงความปรารถนาในตัวภรรยาเช่นกัน ต้องการหรือไม่ต้องการอะไรก็บอก มัวแต่ขี้อาย หรือเกรงใจกันในเรื่องไม่เข้าเรื่อง มันไม่ใช่การเรียกร้องหรือร้องเรียนเรื่องใหญ่โตอะไร เพียงแต่ถ้าคุณยังอายในการพูดตรงๆ อาจใช้วิธีการที่แนบเนียนและแยบยล…ด้วยคำพูดที่สื่อเป็นนัยยะ

" วันนี้อย่ากลับดึกนะ…เพราะเดี๋ยวพรุ่งนี้เธอต้องไปต่างจังหวัดหลายวัน"…พูดพร้อมส่งสายตาหยาดเยิ้มด้วย เพราะผู้ชายหลายคนเป็นคนซื้อระดับโคตะระ

" วันนี้เข้านอนเร็วหน่อยละกัน ช่วงนี้ใกล้เมนส์จะมาแล้ว"…ผู้ชายควร เก็ต ได้ว่าเธอกำลังคุกรุ่นด้วยไฟปรารถนา อันเป็นผลพวงของการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเมื่อใกล้มีประจำเดือน ซึ่งเป็นภาวะปกติของผู้หญิง

บางคนขี้เล่น มักสนทนาด้วยสไตล์หยอกล้อ ชักชวนสามี " ห่างไปซะตั้งหลายวัน คืนนี้ฉลองวันเมนส์หมดกันหน่อยไหมเธอ"…บางครั้ง การฉลอง ก็ไม่ได้หมายถึงต้องมีการกินอะไรพิเศษๆ เสมอไป


จะใช้คำพูดตรงๆ หรือคำพูดทางอ้อม ก็สุดแล้วแต่พื้นเพนิสัยใจคอของแต่ละคน พิจารณาประกอบกับพื้นฐานการสื่อสารของทั้งคู่…

แต่ก็อยากแนะนำว่าอย่าพูดอ้อมค้อมมากนัก เพราะผู้ชายทั่วไปไม่ได้ฉลาดแบบผู้เขียนทุกคน

ถ้าคุณรู้สึกเอียงอาย แม้แต่จะเอื้อนเอ่ยวาจาที่จะบ่งบอกความคิดริเริ่มสร้างสรรค์…ก็อาจเลือกเส้นทาง สื่อสารแบบภาษากาย ก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น

แต่งชุดนอนบางๆ ชนิดถอดง่ายไม่ต้องหลายชั้น…แต่อันนี้ต้องพิจารณาเรือนร่างของผู้ใส่ด้วย ควรแน่ใจว่าจะส่งผลปลุกเร้าสามี เพราะบางรายกลับได้ผลออกมาตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง…ถ้าเป็นกรณีหลัง ควรปิดไฟให้มืดสนิท เพื่อให้สมองส่วนจินตนาการทำงานมากหน่อย

ปิดผ้าม่านให้มิดชิด จงใจให้เขาเห็นด้วยว่าเราปิดผ้าม่านอย่างมีจุดหมาย ถ้าเขาสงสัยว่าปกติทุกคืนไม่เห็นต้องปิดม่าน ทำไมวันนี้ต้องปิดด้วย…บอกเขาเลยว่า "เธอก็น่าจะรู้ว่าเดี๋ยวห้องนี้จะเกิดอะไรขึ้น"…ถ้าสามีเข้าใจผิดคิดว่าคุณจะลงมือฆ่าเขา ควรพิจารณาความสัมพันธ์ที่ผ่านมา…


เดินโฉบผ่านหน้าสามีบ่อยๆ ถ้าเขายังนอนเตียงโดยสายตายังจ้องดูรายการทีวี ไม่น่าสนใจเท่าไร…พยายามกระชากสายตาของเขาให้เหลียวมองสิ่งที่น่าสนใจมากกว่า ถ้าเดินผ่านรอบที่หนึ่งยังไม่ได้ผล อย่าเพิ่งละความพยายาม ถ้ารอบสองเขายังไม่เกิดอาการหวั่นไหว ควรมีรอบสาม…ถ้าสามรอบแล้วยังไม่มีวี่แววใดๆ…จงปิดทีวี แล้วดับไฟ

นวด บีบแขนขาให้เขาผ่อนคลาย…คนเรามักพอใจและผ่อนคลายเสมอ เมื่อมีใครนวดให้ เราชอบให้มีคนมานวดเวลาที่เรานั่งพักหรือนอนเล่น แต่เรามักขี้เกียจเวลาคู่สมรสอยากให้เรานวดเขา ทำให้มีการกระจายรายได้ไปนอกบ้าน…ภรรยาอาจค่อยๆ สัมผัสโดยการลูบไล้ ค่อยๆ กดเบาๆ ตามกล้ามเนื้อ จากการสัมผัสหนึ่งมือเพิ่มเป็นสองมือ เปลี่ยนจากเบาเป็นหนักแน่นขึ้น โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องนวดแผนโบราณใดๆ สลับกับการลูบไล้ในส่วนที่ไวต่อการกระตุ้น จูบบ้าง หยอกบ้าง…ไม่ต้องถึงกับหยิกข่วนหรือกัด…ยังไม่ใช่เวลานั้น…ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด จากบนลงล่างหรือจากล่างขึ้นบนก็ได้ แล้วแต่ความถนัด…ซบแก้มบนหน้าอกเขา สักพักฝ่ายสามีจะสิ้นแรงต้านทานใดๆ

…หลังจากนั้นภรรยาจึงปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่พัวพันรอบแผ่นผิวกายตน เป็นการบ่งบอกให้สามีรับรู้ว่าถึงเวลาที่คุณควรทำหน้าที่ นวดแผนซ้อนแผน ต่อไป

เสน่ห์ของสามีอยู่ที่การดูแล เทกแคร์ และให้เกียรติผู้หญิงผู้เป็นภรรยา ให้ความอบอุ่นและมั่นใจ ส่วนเสน่ห์ของสตรีสมัยก่อนถือเรื่องความเป็นแม่บ้านแม่เรือน ต้องปรุงรสอาหารอร่อย เรียน เสน่ห์ปลายจวัก เป็นมนต์รักเรียกผัว เพราะยุคก่อน ผู้ชายทำไร่ทำนากลับมากินข้าวบ้านไม่มีทางเลี่ยง

สังคมสมัยนี้เปลี่ยนไป ผู้หญิงก็เรียนหนังสือสูงๆ แล้ว มีงานมีการทำ มีรายได้ไม่น้อยหน้าสามี เรื่องทำกับข้าวกับปลา ถ้าเข้าครัวไม่เป็นเลย ก็มีทางออก พาไปกินนอกบ้านกันก็ได้ ซื้ออาหารนอกบ้านมาอุ่นเตาอบไมโครเวฟในบ้านก็ได้ ผู้ชายไม่พูดบ่นหรอกครับ


เรื่องอาหารการกิน เดี๋ยวนี้พึ่ง 'สามแม่ครัว' พอได้ แต่ถ้าเรื่องกิจกรรมบนเตียง ขอให้สามีพึ่งภรรยาคนเดียว…แม่ครัวคนอื่นห้ามยุ่ง!


อ่านเพิ่ม >>

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น